สมัยที่ยังไม่แต่งงาน ผมกับแฟนแบกเป้เที่ยวกันเป็นประจำ ส่วนใหญ่จะเที่ยวประเทศแถบอเมริกาใต้ เที่ยวกันแบบลุยๆ ดิบๆ นั่งรถไฟ นอนรถบัส พักโฮสเทล ตกดึกก็ออกมานั่งดื่มเบียร์คุยเฮฮากับเพื่อนๆ นักเดินทางด้วยกัน จำได้ว่ามันเป็นอะไรที่สนุกและได้รสชาติชีวิตมากเลยทีเดียว… พอแต่งงานมีลูก ถึงแม้วิถีการใช้ชีวิตของเราจะเปลี่ยนไป แต่สไตล์การเดินทางของเรายังยึดแนวลุยๆ ผจญภัยเหมือนเดิม
ทริปแรกที่ผมพาลูกออกเดินทางผจญภัยต่างประเทศ คือ ตอนลูกอายุ 18 เดือน เราเดินทางไปประเทศโคสตาริกา เช่ารถขับตะลุยเที่ยวกันเอง นอนในป่าเที่ยวกลางดงไปเรื่อยๆ ตามภาษาคนชอบลุย 1 อาทิตย์เต็มๆ — หลังจากทริปนั้น เราต่อที่ญี่ปุ่น สิงคโปร์ โมร๊อกโก ฮ้องโกง อินโดฯ ตุรกี อียิปต์ และครั้งล่าสุดที่ประเทศจอร์แดน ช่วงต้นปี 2019
ถามว่าลำบากไหม? ผมยอมรับว่าลำบากพอสมควร โดยเฉพาะตอนลูกอายุ 1-2 ขวบ ทั้งต้องห่วงเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย อาหารการกิน และอะไรอื่นๆ อีกมากมาย… แต่ถ้าพูดถึงรสชาติของการเดินทางและสิ่งที่ได้กลับคืนมาแล้วล่ะก็ กี่ครั้งๆ ผมก็ขอยืนยันครับว่า พาลูกไปเที่ยวต่างแดนตอนเค้าอายุน้อยๆ ได้อะไรกลับคืนมามากกว่าแบกเป้เที่ยวกันเองสองคนแน่นอน
เด็กเป็นจุดเริ่มบทสนทนาที่ดี
อันนี้เห็นได้ชัดตอนช่วงอายุประมาณ 3-5 ขวบ เป็นช่วงที่กำลังน่ารักน่าเอ็นดู ขี้เล่นขี้สงสัย ชั่งพูดชั่งถาม เวลาไปไหน คนก็จะชอบมาทักทายแล้วมาเล่นด้วย ทำให้เราเองมีโอกาศได้พูดคุยกับคนท้องถิ่น เรียนรู้วัฒนธรรม และมีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นโดยปริยาย
สมัยก่อนเวลาเที่ยวกันสองคน ยากเหลือเกินที่จะมีโอกาศได้สนทนากับคนท้องถิ่น นอกจากเวลาหลงแล้วต้องถามทาง
เด็กเป็นเลนส์ขยายของสังคมที่ดีเยี่ยม
เด็กกับคำถามร้อยแปดพร้อมที่จะถามเราอยู่เสมอ.. อะไร ที่ไหน ทำไม เมื่อไหร่ ยังไง กับใคร? เพราะความขี้สงสัยของเด็กนี่เอง ทำให้เรารู้จักมองและสังเกตุสิ่งที่อยู่รอบตัวมากขึ้น เพื่อตอบคำถามของเขา ถ้าเราเดินทางกันเอง เราจะไม่ค่อยสนใจกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวมากเท่าไปกับลูก
นอนเร็ว ตื่นเช้า หลีกเลี่ยงไม่ได้
อาจจะไม่ใช่อะไรที่ฟังดูดึงดูดมากนัก ยิ่งเวลาไปเที่ยวในเมืองใหญ่ๆ บางทีเราก็อยากจะออกไปเดินเที่ยวตอนกลางคืน ออกไปดื่มสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนๆ แต่การที่ได้นอนเร็วตื่นเช้านั้น ทำให้เราได้เริ่มวันของเราเช้ากว่านักท่องเที่ยวคนอื่นๆ กินอาหารเช้าก่อน เริ่มเที่ยวก่อน
ได้มีเวลาสัมผัสกับสิ่งรอบตัวมากขึ้น
ไปไหนมาไหนกับเด็กเล็ก เป็นอะไรที่เร่งรีบไม่ได้ ยิ่งถ้าอยากให้เขามีความสุขกับการเดินทาง เราก็ต้องให้เวลาเขาได้วิ่งเล่น ได้สังเกตุ ได้หยุดพัก และได้มีส่วนร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ที่เขาชอบ ซึ่งทำให้เราเองได้ใช้เวลา ณ สถานที่นั้นๆ ได้อย่างเต็มที่… ได้เห็นและสัมผัสกับอะไรต่างๆ รอบตัวได้ลึกซึ้งมากขึ้น
เดินทางกับเด็ก สิทธิพิเศษเพรียบ!
อันนี้เริ่มตั้งแต่สนามบินเลย ที่ผ่านๆ มา ไปไหนมาไหนกับลูกจะได้เดินเข้าช่องพิเศษ ไม่ต้องมายืนต่อคิวยาวเพื่อรอตรวจกระเป๋าหรือรอตรวจคนเข้าเมือง ตอนรอขึ้นเครื่องทางสายการบินก็มักจะประกาศให้ครอบครัวที่มีเด็กเล็กได้ขึ้นเครื่องก่อน บนเครื่อง เด็กยังได้อาหารก่อนใคร และแถมได้ของเล่นที่สายการบินแจกให้อีกด้วย
ผลประโยชน์อื่นๆ
นอกจากผลประโยชน์ที่เราได้จากการพาลูกน้อยแบกเป้เที่ยวแล้ว ผมเชื่อว่าลูกเองก็ได้สิ่งดีๆ มาด้วยไม่น้อยเลยเช่นกัน การที่เราให้โอกาศลูกได้ไปสัมผัสกับสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร วัฒนธรรม ภาษา และผู้คน เป็นการเปิดให้เขามีวิสัยทัศน์ที่กว้าง รู้จักมองเรื่องราวต่างๆ ได้ลึกซึ้ง และรู้จักตัวเองดีมากขึ้น… นอกจากนั้นแล้ว ยังจะสอนให้เขามีระเบียบวินัย รู้จักเตรียมตัว เก็บของ จัดกระเป๋า และดูแลสิ่งของของตัวเอง โดยที่เราไม่ต้องมานั่งบ่นนั่งจี้อยู่ตลอดเวลา
Be First to Comment